วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

このブログについて

โพสต์นี้เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับการทำบล็อกของผมครั้งนี้นะครับ

目標:เพื่อ "ศึกษา" และ "พัฒนา" ทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่นของตนเองเกี่ยวกับการใช้รูปจบประโยคหรือ 文末表現 ให้มีความชำนาญและเป็นธรรมชาติเหมือนเจ้าของภาษามากที่สุด 


ツール:ใช้วิธีสังเกตรูปแบบการพูดของอาจารย์และเพื่อนในชั่วโมงเรียนและจดบันทึกสิ่งที่ไม่เข้าใจหรือสงสัยไว้ศึกษาหาคำตอบ อีกทั้งเรียนรู้โดยวิธีแก้ไขจากข้อผิดพลาดของตนเอง (To learn by my mistakes)


プラン:สังเกตและจดจำสิ่งที่ไม่เข้าใจ นำมาศึกษาและจดบันทึกสิ่งที่น่าสนใจลงบล็อกอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง รวมทั้งนำความรู้ที่ได้จากタスクต่างๆที่ได้ศึกษาในชั่วโมงเรียนมาโพสต์ไว้เป็นบันทึกสะสมผลงานแนว 内省เพื่อพัฒนาตนเองต่อไป


評価基準:ทุกครั้งที่ได้เรียนรู้หัวข้อใหม่ๆและได้แก้ไขวิธีการใช้รูปประโยคต่างๆที่ผิด จะลองนำความรู้ที่ได้รับจากการแก้ไขแล้วไปลองใช้ในการสนทนากับเพื่อนหรือครู เพื่อให้รู้สึกว่าเกิดการพัฒนาตัวเองจริงๆ และจะให้รางวัลตัวเองด้วยการไปกินของอร่อยๆ แพงๆ กับคนพิเศษๆ อูววว >//< 


วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ไขข้อข้องใจ เปลี่ยน です เป็น だ จะดีไหมนะ

สวัสดีครับทุกคน กลับมาอีกครั้งเพราะคราวนี้เรามีข้อสงสัยตามหัวเรื่องเลย ;-( เท้าความสักนิด คือที่มาของข้อสงสัยคราวนี้เกิดจากเวลาที่เราพูดภาษาญี่ปุ่นกับเพื่อน ย้ำ!ว่ากับเพื่อน ตั้งนานมาละสังเกตตัวเองเหมือนกันว่าเวลาเราพูดเนี่ยเรามักจะลงท้ายประโยคด้วย です ตลอดเลย เช่นแบบ 僕も行きたいです。บ้าง それを一度食べてみたいです。บ้าง ก็เข้าใจนะว่าส่วนหนึ่งก็เพราะอาจารย์สอนมาว่าใช้รูปสุภาพ です ます เอาไว้ก่อนไม่ผิด ใช้ๆไปเถอะ ทำนองนี้ o_o แต่บางทีเราก็รู้สึกอะนะว่ามันไม่ใช่อ้ะ พูดกับเพื่อนถึงจะไม่สนิทกันมากแต่ให้มาใช้รูปสุภาพตลอดมันแปลกๆยังไงไม่รู้ (ความจริงคนญี่ปุ่นอาจพูดสุภาพกับเพื่อนทุกคนก็ได้ ตรงนี้ก็ไม่รู้อะนะ เหอๆ) แล้วก็ไม่ใช่เราคนเดียว เคยลองสังเกตลองแอบฟังคนอื่นพูดดู ก็เห็นว่าส่วนใหญ่ใช้รูปสุภาพมากกว่ารูปธรรมดาจริงๆแหละ มาหลังๆก็เลยเปลี่ยนความคิดใหม่อยากลองใช้  だ แทน です ดูบ้าง แต่เพื่อความมั่นใจก็เลยลองศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อน ลองเปิดเน็ตอ่านไปอ่านมา ได้ความรู้ประมาณนี้และ ลองอ่านกันดูนะครับ >.<


1. การใช้ だ ต่อท้ายคำนามจะเป็นการแสดงการยืนยันหรือแสดงความเห็นอย่างมั่นใจเช่น 彼はフランス人だ。今日は山本先生のお誕生日だ。เป็นต้น


2. การใช้ だต่อท้ายคำกริยาที่ผัน โดยใช้ในรูป んだ หรือ のだ สามารถแสดงความหมายหรือท่าที (Aspect) ได้หลายแบบมาก แบ่งย่อยๆได้เป็น


2.1 เพื่ออธิบายเหตุผล สาเหตุหรือหลักฐานของเรื่องต่างๆพวกนี้ เช่น あの店は位地が悪いので、いつも空いているのだ。หรือ 全然勉強しなかったから期末試験に落ちたんだ。เป็นต้น


2.2 สามารถใช้พื่อแสดงการตัดสินใจ เช่น 必ず君を幸せにするんだ。^^


2.3 บางทีก็ใช้ในเชิงออกคำสั่งได้นะ เช่น 速く歩くんだ。(เดินเร็วๆเข้าสิ) หรือ もっと食べるんだ。(กินเข้าไปอีก) ทำนองนี้


3. การใช้ だจบประโยคยังสามารถใช้ในประโยคที่ใส่อารมณ์เข้าไปด้วย อธิบายโดยยกตัวอย่างชัดๆ เช่น さあ、出発だ。(เอาล่ะ จะออกเดินทางละนะ) หรือ 大変だ、大変だ、かばんを置き忘れてしまったんだ。(แย่แล้วแย่แล้ว ดันลืมกระเป๋าซะได้)


นอกจากนี้ บางครั้งยังสามารใช้だในลักษณะคำอุทาน โดยอาจใช้คำ ね หรือ なเช่น 私はだね、。。。(ฉันน่ะนะ....)  หรือ それはだな、。。。(นั่นน่ะนะ....) เป็นต้น


เอาล่ะ ศึกษาเล็กน้อยพอเข้าใจแล้ว (เยอะๆไม่ได้ จำไม่ไหว) ถ้ามีโอกาสพูดกับเพื่อนๆอีกไว้จะลองฝึกดู ได้ผลเป็นไง ไว้จะกลับมาเล่าให้ฟังนะครับ วันนี้พอก่อน ต้องไปเรียวแว้ววว ไว้คราวหน้าเจอกันค้าบบ :))

ปล.ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลส่วนหนึ่งจากเว็บ Jcampus ด้วยครับ

วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ไขข้อข้องใจการใช้ か จบประโยค

ที่มาที่ไปก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอกนะครับ แค่เมื่อสัปดาห์ก่อนคุยกับเพื่อนชาวญี่ปุ่นชื่อชุน  (駿) แล้วมีอยู่ตอนหนึ่งเราถามเพื่อนไปประมาณว่า "อยากกินอะไร" เราเห็นเป็นเพื่อนไม่ต้องสุภาพอะไรด้วยก็เลยถามเพื่อนไปว่า 何を食べたいか? พอถามเพื่อนก็เหมือนอึ้งๆไปสักพัก O_O ก่อนจะพูดว่า そうだねえ、何にしようかなあ。。(คิดในใจว่าไม่เห็นตอบคำถามเราเลยวะ - -*) ไอ้เราก็สงสัยว่าก่อนมันพูดมันสตั้นท์ทำไมก็เลยถาม เพื่อนบอกว่า 食べたいか มันเป็นรูปธรรมดาก็จริงแต่ถ้าเราที่อายุยังน้อยๆพูดเนี่ยมันจะแปลกมากเลย!! มันเป็นคำที่ผู้ชายมีอายุหน่อยๆเขาพูดกัน เราตอนนั้นก็ เฮ้ย!! จริงเหรอ!? ไม่เคยรู้นะเนี่ย!! ก็เลยถามมันต่อว่าถ้าอย่างนั้นควรพูดว่าอะไร เพื่อนก็แนะนำว่าให้พูด “何を食べたいと思う?” ขึ้นเสียงสูงตอนท้ายๆจะฟังดูธรรมชาติกว่า เราก็ โอวว!! บรรลุ :-) แต่มันก็ยังไม่หายสงสัยอยู่ดีก็เลยลองกลับมาศึกษาเองดูเกี่ยวกับการใช้รูปธรรมดาจบด้วย か ก็ได้ความอย่างข้างล่างนี้ล่ะ ถ้าใครอยากรู้ลองอ่านดูนะครับ ^^


1. ใช้ในกรณีที่พูดเกี่ยวกับการตัดสินใจบางอย่างของตัวเองให้ตัวเองฟัง อารมณ์คล้ายๆพูดกับตัวเอง

เช่น さあ、起きるか。จะตื่นล่ะนะ


2. ใช้ในการยอมรับความจริงในสิ่งที่เพิ่งได้รับรู้และในขณะเดียวกันก็รู้สึกประหลาดใจด้วย

เช่น もう11時か? สิบเอ็ดโมงแล้วเหรอเนี่ย


3. ใช้ในประโยคคำถามที่เป็นการพูดรำพึงรำพันกับตัวเอง สังเกตง่ายๆก็อย่างเช่นพวก だろうか かな のか のかな かしら เป็นต้น


4. สามารถนำประโยคคำถามรูปธรรมดา+か แทรกกลางประโยค เพื่อทำให้ประโยคคำถามนั้นเป็นประโยคย่อยได้ เช่น 田中さんは何時に来るか、知っていますか。


อย่างไรก็ดี เขาว่าการใช้ か ในประโยคคำถามที่เป็นรูปธรรมดาเนี่ย จะเป็นคำถามที่พูดกับตัวเองโดยไม่คำนึงถึงผู้อื่น ส่วนใหญ่แล้วเป็นคำที่ผู้ชายใช้พูดกับผู้อาวุโสน้อยกว่า ลูกน้อง นักเรียนหรือในหมู่คนที่สนิทกัน ถ้านอกจากกรณีแล้วก็ไม่ควรใช้เลย !!


หลังได้อ่านเราก็เข้าใจขึ้นเยอะนะ คิดว่าต่อไปก็คงระวังๆใช้ให้มันถูกต้อง ยังไงก็ขอขอบคุณที่มาข้อมูลข้างต้นด้วยนะครับ ช่วยได้มากเลย 助かりました。
วันนี้พอแค่นี้ก่อน แล้วจะมาเขียนต่อครับ บ๊ายบาย :))

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สวัสดีครับ

สวัสดีครับ

บล็อกนี้ขออุทิศให้กับการเรียนภาษาญี่ปุ่นของผมครับ
頑張っていこう!!