วันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2556

タスク2 目に浮かぶ描写



สวัสดีครับทุกคน วันนี้มาอัพเดทบล็อกครับ สืบเนื่องจาก Task อันแรกที่เป็นการฝึกฝนทักษะการเขียน ครั้งนี้อาจารย์ผู้ใจดีมอบหมาย Task ที่สองเพื่อฝึกทักษะด้านการพูดครับ คำสั่งก็คือ อาจารย์ให้การ์ตูน ๔ ช่อง (ที่มีแต่รูป ไม่มีคำบรรยาย) มาแล้วให้เราดูภาพจากนั้นอธิบายให้เพื่อนฟังโดยต้องอธิบายให้เพื่อนซึ่งไม่รู้เรื่องราวอะไรเลยเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างแบบเห็นภาพชัดเจน แบบนี้แหละที่เรียกว่า目に浮かぶ描写 ครับ หลังจากอึ้งกิมกี่อยู่พักหนึ่งก็ลองพูดและบันทึกเสียงไว้ ได้ดังนี้ครับ


目に浮かぶ描写
 あるホテルのロビーで二人の男の人がソファーに座っています。一人の男性は50代ぐらいのおじいちゃんで、めがねをかけていて新聞を読んでいます。もう一人の男性は30代ぐらいの社会人で、何もしないで誰かを待っているみたいです。しばらくしたら、地図を持っている外国人がやってきて、二つ目の男性を見て、道を聞きに歩いてきました。すると、この男性は英語が苦手かどうか分からないが、外国人がやってくるのを見たら、そばに座っている男性と一緒に新聞を読んでいるふりをしました。外国人は男性を見て、変だなと思いました

หลังจากลองฟังเสียงที่บันทึกไว้ก็รู้เลยครับว่าแบบฝึกหัดครั้งนี้เป็นอะไรที่ยากมากๆ กล่าวคือเราต้องอธิบายในสิ่งที่เราก็ไม่ค่อยรู้ว่าจะอธิบายอย่างไรให้คนอื่นที่ไม่รู้อะไรเลยฟังแล้วต้องให้เขาเข้าใจด้วย ไม่ยากก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว ในคาบเรียนต่อมาอาจารย์ให้ตรวจสอบสิ่งที่ตัวเองพูดไปครับว่ามีปัญหาอะไรตรงไหนบ้าง ของผมเมื่อลองทบทวนดีๆก็พบว่ามีจุดที่ไม่เหมาะสมอยู่มากเลย ยกตัวอย่างดังต่อไปนี้ครับ

๑.     ที่คิดว่าผิดอย่างใหญ่หลวงเลยคือตรงที่เขียนไปว่า二つ目の男性 ครับ ตรงนี้ต้องยอมรับว่าไม่รู้จะพูดว่าอะไรจริงๆ คือในเรื่องต้องการจะพูดว่า “ผู้ชายคนหลัง” หรือ “ผู้ชายคนที่สอง/ลำดับที่สอง” อะไรทำนองนี้ แต่นึกคำศัพท์ไม่ได้จริงๆเลยใช้แบบนี้ครับ พูดง่ายๆคือ มีปัญหาเกี่ยวกับการเรียกผู้ชายทั้ง ๓ คนในเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าจะแยกอย่างไร จะให้เรียก 一番目の人 二番目の人อะไรแบบนี้ก็รู้สึกว่ายิ่งแปลก
๒.     ตรงที่บอกว่า 何もしないで誰かを待っているようですส่วนตรงนี้อ่านแล้วก็เข้าใจนะ แต่ก็ยังรู้สึกว่ามีประโยคที่ฟังดูดีกว่านี้ แต่นึกไม่ออก
๓.     คิดว่าจุดอ่อนหลักๆของตัวเองเลยคือไม่รู้คำศัพท์ ดังนั้นเลยอธิบายให้คนอื่นเข้าใจเรื่องราวตามที่เราอยากจะพูดไม่ค่อยได้ แต่ถ้าจะให้ใช้คำอื่นที่ง่ายๆอธิบายก็คิดไม่ออกอีก เฮ้อ o_o
๔.     ส่วนอื่นๆที่อาจารย์ชี้แนะว่าไม่ค่อยเหมาะคือเรื่องการใช้ศัพท์หรือไวยากรณ์บางตัวครับ เช่น คำว่า “ใกล้เข้ามา” หรือ “เดินเข้ามา” คำว่า “สบตา” และการใช้ と思うในมุมมองของผู้อื่น
หลังจากที่ได้ 内省ตัวเองเรียบร้อยแล้ว อาจารย์ก็ได้แจกตัวอย่างที่คนญี่ปุ่นเขียนมาให้ศึกษาและเปรียบเทียบความแตกต่างครับ เท่าที่ศึกษาดูก็พบคำตอบคลายข้อสงสัยของผม ดังนี้ครับ
๑.      การเรียกคนต่างๆที่แตกต่างกัน อย่างเช่นในเรื่องนี้มีผู้ชาย ๓ คน การที่จะเรียกแล้วแยกแยะให้ออกว่าใครเป็นใครนั้น คนญี่ปุ่นเขาใช้วิธีการเรียกชื่อและบอกลักษณะ คุณสมบัติ สถานภาพของคนเหล่านั้นครับ เช่น จากในเรื่องผู้ชายที่ดูเด็กที่สุดและเป็นตัวเอกของเรื่องนี้ชื่อ ぺエスケเวลาเรียกเราก็เรียกชื่อเขาไปเลย ไม่ต้องไปพูดว่า 若い男の人หรือ二つ目の人ให้ปวดหัวและเสียเวลาเปล่าๆ หรือเรียกคนต่างชาติก็ใช้ 外国人เรียกคุณลุงคุณปู่ก็ใช้おじさんหรือおじいさんไปเลย จะเข้าใจง่ายกว่ามาก
๒.      ตรงส่วนที่สงสัยว่าจะใช้อะไรแทน何もしないで誰かを待っているようですแล้วฟังดูดีกว่า ก็ได้คำตอบว่าบอกกิริยาอาการของตัวละครไปเลยว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ด้วยอารมณ์แบบไหนก็เข้าใจแล้ว ประโยคที่ผมพูดไปนั้นถูกแค่ครึ่งเดียวครับ ถ้าจะพูดให้ถูกต้องทั้งหมดและฟังดูธรรมชาติแบบที่ชาวญี่ปุ่นใช้ต้องพูดเสียใหม่ว่า特に何をするでもなくぼーっとしていますก็เป็นอันใช้ได้ครับ
๓.      คำว่า “เดินเข้ามา” หรือ “ใกล้เข้ามา” คนญี่ปุ่นใช้คำว่า 近づくหรือไม่ก็歩み寄ってくるครับ ส่วนคำว่า “สบตา” ที่ในเรื่องผมพูดไปว่า 見るนั้น จริงๆแล้วเขาใช้คำว่า 目が合うครับ สุดท้ายคือการใช้ と思うในมุมมองของผู้อื่น จากเรื่องผมพูดไปว่า外国人は男性を見て、変だなと思いましたดูเผินๆก็เหมือนไม่ผิดอะไร แต่จริงๆแล้วผิดครับ ตรงส่วนนี้อาจารย์ผู้ใจดีของผมได้กรุณาสอนว่า ถ้าเป็นตัวเราคิดเอง เราสามารถพูดได้ว่า _かな_と思うแต่ถ้าเราต้องการบอกว่าคนอื่นคิดว่าอย่างนั้นอย่างนี้ในการบรรยาย เราไม่สามารถใช้ว่า _かな_と思うได้ครับ ต้องใช้ว่า _か_と思う(思っている)แทน

พอศึกษาและแก้ไขข้อผิดพลาดเรียบร้อยแล้วก็ลงมือแก้งานทันทีครับ ใช้เวลาไม่นานมากก็ออกมาเป็นแบบนี้ครับทุกคน ไฮไลท์สีเขียวคือส่วนที่ปรับให้ถูกต้องและเหมาะสมมากขึ้นนะครับ


目に浮かぶ描写 (修正バージョン)
 ホテルに来たペエスケがロビーにあるソファーに座って、特に何をするでもなくぼーっとしています。同じソファーには、新聞を読んでいる50代ぐらいのおじさんが座っています。しばらくすると、ペエスケはふと視線を移すと、地図を持っている外国人のおじさん目が合ってしまいました。地図を広げて自分の方に近づいているところを見ると、きっとその外国人のおじさんが道でも聞きに来るのだろうと思ったので、ぺエスケは隣に座っているおじさんが読んでいる新聞の陰に隠れて、新聞を読んでいるふりをしました。外国人のおじさんはぺエスケを見て言葉を失ったほど怒っているようです


ตรงส่วนท้ายมีส่วนที่แก้ไขใหม่หมดเลยครับ ตอนแรกผมบอกว่า外国人は男性を見て、変だなと思いましたแต่คิดไปคิดมา เขียนใหม่เลยน่าจะดีกว่าว่าคุณลุงชาวต่างชาติคนนั้นดูเหมือนจะโกรธมากจนพูดอะไรไม่ออก เป็น外国人のおじさんはぺエスケを見て言葉を失ったほど怒っているようですคิดว่าฟังดูดีกว่ากันไหมครับ วันนี้ขอจบไว้เพียงเท่านี้ แล้วพบกันใหม่ค้าบ  ^^

4 ความคิดเห็น:

  1. จริงๆผมว่ามันก็ขึ้นกับวิธีที่ผู้พูดจะสื่อออกมาว่าจะเลือกเเบบไหน เเต่วิธีใช้ชื่อสมมุติเเทนตามลักษณะตัวละตัวที่ชาวญี่ปุ่นเสนอมาก็เข้าใจได้ง่ายดีนะครับ ลองไปฝึกใช้กับสถานการณ์อื่น ตัวละครอื่นดูบ้าง ผมว่าฝึกฝนไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็คล่องขึ้นเองนะครับ ^_^

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ครับ

    ตอบลบ
  3. こんばんは、はじめまして。

    実は2週間以上前に読ませてもらっていたのですが、コメントが遅くなり失礼致しました。
    ご自身でも書いているように「外国人のおじさんはペエスケを見て言葉を失ったほど怒っているようです」という文がおもしろいなと思ったんですが、わたしなら「失ったほど」じゃなくて「失うほど」にするなあ、なんでかなと考えていました。すみませんが、まだ答えを見つけていないのでアドバイスができません。日本語の文を聞いたり読んだりしたときに「~ほど」に出合ったら、ぜひメモしておいてください。そうすることで何か発見があるんじゃないかと思います。

    1回目の文と2回目の文を比べると2回目のもののほうがまとまっていていいと思いますが、「~ほど」以外にも気になるところが少しあるので書かせてもらいますね。

    ① 「しばらくすると、ペエスケはふと視線を移すと、」
    「視線を移す」という表現、とてもいいと思います。気になるのは、「~と」は1文に複数回使っていることです。「しばらくしてペエスケがふと視線を移すと・・・」のほうが自然です。

    ② 「自分の方に近づいている」
    「自分」ですよね。「近づいてくる」がいいと思います。

    ③ 「地図を広げて自分の方に近づいているところを見ると、きっとその外国人のおじさんが道でも聞きに来るのだろうと思った」
    「・・・と、・・・」の使い方はタスク1 道案内で勉強しましたよね?ぜひもう一度復習してみてください。

    ④ 「(ペエスケは)きっとその外国人のおじさんが道でも聞きに来るのだろうと思ったので、・・・」
    あなたはペエスケではありませんから、「・・・と思ったのでしょう。・・・」または「・・・と思ったのか、・・・」と書いた方がいいかと思います。

    ⑤ 「ホテルに来たペエスケが」
    長いストーリーがあって、その途中を話して聞かせるのなら「が」がいいです。でも、この4コマ漫画のストーリーしかなくて、前のストーリーやペエスケという人を全然知らない人にこの話を聞かせるのなら、「は」ですよね?ペエスケが初めて登場する文ですから。

    以上です。
    上の文を最初に見させてもらった時、「50代くらいの」というところがわたしには思いつかない表現でわたしも使いたいなと思いました。そのほかにも場面をイメージしやすくする工夫があっていいなと思いました。

    ตอบลบ
  4. 柏さん、はじめまして。私はエムと申します。アドバイスを本当にありがとうございました。とても参考になりました。文は全部正しいようにチェックしたのに、間違いはまだいくつがあって悪いですね。また間違ったところを直します。では、よいお年を^^

    ตอบลบ